อยากออกไปนั่งร้านกาแฟถ่ายรูปอวดเพื่อนช่วงนี้คงไม่ได้ ลองมาเปลี่ยนบ้านของเราให้กลายเป็นคาเฟ่ชิคๆ กัน วันนี้ The Classic Chair Company มีเทคนิคการจัดบ้านให้เปลี่ยนเป็น Cafe มาฝากกันค่ะ

1.Mix & Match Style ลองดูเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน แล้วเลือกเฟอร์นิเจอร์หลายๆแบบมาใช้ เช่น การใช้โต๊ะหรือเก้าอี้ไม้ จัดวางคู่กันกับโซฟาผ้า หรือหนัง เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นคาเฟ่ ที่มีการใช้เฟอร์นิเจอร์หลายๆแบบมาตกแต่งร้าน

2. ใส่ของตกแต่งเพื่อเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การจัดวางแจกันดอกไม้ การหาต้นไม้ตกแต่ง การจัดกรอบรูปบนผนัง เลือกลายหมอนอิง หรือการเลือกชุดแก้วกาแฟที่จะใช้

3. เลือกมุมริมหน้าต่าง แสงที่มาจากริมหน้าต่าง จะทำให้นางแบบ อาหาร หรือ บรรยากาศโดยรวม มีความสวย ละมุนขึ้นมากๆ คาเฟ่ส่วนใหญ่ จึงมักตกแต่งให้ร้านมีหน้าต่างเยอะๆ นั่นเอง แต่ถ้าแสงมุมข้างหน้าต่างไม่สะดวก ก็ลองใช้โคมไฟเพดานหรือโคมไฟตั้งพื้นในการช่วยเรื่องแสง ลองเลือกหลอดไฟในสไตล์ Industrial มาตกแต่ง แค่นี้ก็ได้อารมณ์คาเฟ่กันแล้วค่ะ

4. เตรียมเมนูกาแฟที่สามารถทำได้เองที่บ้าน อย่างช่วงนี้ใครๆก็หัดทำ Dalgona Coffee ที่ใช้การตีน้ำกาแฟให้ข้นแล้วค่อยเทลงแก้วที่มีนมอยู่ ใครที่ไม่มีเครื่องชงกาแฟ ก็จัดเมนูนี้ได้เลยค่ะ ส่วนขนม ใครที่มีฝีมือการทำขนมก็เตรียมไว้ได้เลย ไม่แน่ว่าหลังจากโควิด-19 จากไปแล้ว คุณอาจจะมีธุรกิจร้านขนมของตัวเองเพิ่มมาก็ได้

5. แต่งตัวให้พร้อม เปิดเพลงในสไตล์ที่ชอบเพื่อสร้างบรรยากาศ แล้วถ่ายรูปอวดเพื่อนกันได้เลย

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเทคนิคที่เรานำมาฝาก จัดบ้านเสร็จแล้ว อย่าลืม VDO Call ชวนเพื่อนมานั่งจิบกาแฟด้วยกันนะคะ  ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนไปจัดบ้านบ้าง รับรองว่าการเก็บตัวอยู่บ้านของคุณจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

สวัสดีค่ะ ในวันนี้ The Classic Chair Company จะนำทุกท่านเข้ามาดูกระบวนการในการผลิต Furniture ในโรงงานของเราว่ากว่าจะได้เฟอร์นิเจอร์มาซักชิ้นจะใช้เวลาและฝีมือขนาดไหน

จุดเด่นในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของ The Classic Chair Company นั้น อยู่ที่ความเชี่ยวชาญของช่าง ที่เน้นงานฝีมือและการใส่ใจรายละเอียดในทุกๆส่วนของการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ในวันนี้จะขอกล่าวถึงขั้นตอนหลังจากการประกอบเฟอร์นิเจอร์เรียบร้อยแล้ว ว่าจะมีขั้นตอนอะไรอีกบ้าง กว่าจะมาเป็นเฟอร์นิเจอร์สวยๆ

1. การลงสีรัก

สีรัก ได้มาจากยางธรรมชาติของต้นรัก นิยมใช้ในการรักษาพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ให้สวยงามและคงทน ข้อดีของการใช้สีรักธรรมชาติคือ สามารถมองเห็นรายละเอียดของไม้ได้ เนื่องจากตัวสีรักที่เคลือบไม่หนาเกินไป แต่ในยุคปัจจุบัน เนื่องจากยางรักธรรมชาติหาได้ยาก และยางรักให้สีของไม้ได้ไม่เท่ากับสีสังเคราะห์ รวมทั้งขั้นตอนการลงสีรักที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน ความนิยมในการลงสีรักจึงลดลง

ก่อนการลงสีรัก จะต้องมีการเตรียมชิ้นงานก่อนลงสี เนื่องจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ อาจทำให้สีรักไม่สม่ำเสมอ ช่างฝีมือของเราจึงต้องใช้เวลาในการขัดให้พื้นผิวเนียนเรียบ รวมไปถึงการค้นหาและอุดรอยแตกของไม้ เมื่อลงสีรักได้แล้ว ต้องนำเอาเฟอร์นิเจอร์นั้นไปอบให้สีแห้งอีกหนึ่งวัน จึงนำมาลงสีรักรอบสองและอบอีกหนึ่งวัน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าสีของเฟอร์นิเจอร์จะสม่ำเสมอและสวยตามมาตรฐานของ The Classic Chair

2. การปิดทอง

เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบางชิ้นที่เป็นสีทอง ช่างฝีมือของเราใช้วิธีการแปะแผ่นทองด้วยมือทีละแผ่น และเน้นการลงรายละเอียดในทุกส่วนของเฟอร์นิเจอร์ ในส่วนที่ไม่สามารถแปะแผ่นทองได้ ช่างฝีมือของเราจะค่อยๆบรรจงใช้พู่กันในการลงสีทอง เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ที่ไปถึงลูกค้า มีความสวยงามในทุกดีเทลของชิ้นงาน

3. การเพ้นต์สีและวาดลาย

เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นของ The Classic Chair Company ที่มีลวดลายรูปวาดสวยๆนั้น เกิดจากฝีมือการวาดและลงสีของช่างฝีมือ ที่ค่อยๆบรรจงวาดและระบายสี เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นคงเอกลักษณ์ของงานทำมือที่ไม่มีที่ไหนเหมือน

4. การแกะสลัก

เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ล้วนผ่านการแกะสลักลายด้วยช่างฝีมือผู้ชำนาญงานของเรา แม้แต่ในจุดที่เล็กที่สุด ก็ไม่เกินความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือเรา

เมื่อเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะนำสินค้าออกจำหน่าย นั่นคือขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพ ที่ทาง The Classic Chair Company มีความมุ่งมั่นและตั้งใจส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้านั่นเอง

เมื่อพูดถึง วัสดุที่ใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ ส่วนใหญ่แล้วเราจะนึกถึงวัสดุประเภทไม้ โลหะ วัสดุสังเคราะห์ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีวัสดุอีกหลายประเภทที่นิยมนำมาออกแบบและผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ the classic chair company  นำเฟอร์นิเจอร์สวยๆจาก showroom ของเราที่ผลิตจากวัสดุประเภทอื่นๆ มาฝากกันค่ะ มาดูกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง

1.Petrified Wood หรือไม้ที่กลายเป็นหิน เกิดมาจากการที่ไม้ถูกฝังอยู่ใต้ผิวดิน ในสภาพที่ไม่เจอกับออกซิเจนในอากาศ ทำให้ไม้ไม่เกิดการเน่าเปื่อย ประกอบกับสภาพแวดล้อมบางอย่าง ทำให้เนื้อไม้ค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นเนื้อหิน โดยที่ยังคงโครงสร้างของไม้ไว้ภายใน

Side Table  ที่ทำมาจาก Petrified Wood

2. Shagreen (Stingray Skin) หรือ หนังปลากระเบน ลักษณะพื้นผิวของ Shagreen จะมีลักษณะเป็นเม็ดบีดเล็กๆ ก่อให้เกิดผิวสัมผัสที่แปลกตา การใช้ Shagreen มาทำเฟอร์นิเจอร์ เริ่มเป็นที่รู้จักในยุโรปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงยุค Art Decco โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจาก Shagreen นั้น ถือได้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีความ Luxury และนิยมใช้กันในราชสำนักฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก

stool ที่ทำมาจาก Shagreen

เมื่อดูใกล้ๆจะเห็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Shagreen

3. Eggshell หรือการใช้เปลีอกไข่มาทำเป็นพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ โดนการนำเอาเศษเล็กๆของเปลือกไข่ ค่อยๆแปะบนพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งการผลิตเฟอร์นิเจอร์แบบนี้ เริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่ในยุค Art Decco

Side Table ที่ทำมาจากเปลือกไข่

ลักษณะของพื้นผิวเมื่อซูมดูใกล้ๆ

4. Horn หรือ เขาสัตว์ เช่น การนำเอาเขากวาง เขาควาย มาทำเป็นมือจับหรือใช้เป็นวัสดุในการผลิตตัวเรือนของกระจก การใช้เขาสัตว์มาผลิตเฟอร์นิเจอร์นั้น เริ่มเป็นที่นิยมในยุโรปมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนถึงช่วงกลางของศตวรรษที่ 19

กระจกที่ตัวเรีือนผลิตมาจากเขาสัตว์

ความสวยงามที่เห็นเกิดจากลวดลายตามธรรมชาติของเขาสัตว์

มือจับ Cabinet ที่ทำมาจากเขาสัตว์ และใช้ Shagreen ในการทำหน้าบานตู้

นอกจากวัสดุเหล่านี้แล้ว ยังมีวัสดุอีกหลายอย่างที่นิยมนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ ท่านใดสนใจสามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Showroom ของ The Classic Chair Company ได้ทุกสาขาค่ะ